แสดงทั้งหมด 12 ผลลัพท์

แร็คพวงมาลัยรั่วอาการอย่างไร หากพบปัญหาควรรีบแก้ไข

🔥 En autopart แร็ค แร็คพวงมาลัย มีทุกรุ่น นอกเหนือจากนี้ ติดต่อสอบถามได้เลยนะครับ🔥

💯 ราคาไม่แพง รับประกัน3เดือนทุกชิ้💯

📌 แร็คพวงมาลัย VIGO แร็ควีโก้ ขับ4 จาก 9,000฿ เหลือเพียง 4,999฿

📌แร็คพวงมาลัย All new dmax แร็คออนิวดีแม็ก จาก 7,000฿ เหลือเพียง 4,999฿

📌 แร็คพวงมาลัย Dmax แร็คดีแม็ก ไฮแลนเดอร์ จาก 4,500฿ เหลือเพียง 3,999฿

📌 แร็คพวงมาลัย Nissan navara แร็คนาวาร่า จาก 5,000฿ เหลือเพียง 3,999฿

📌 แร็คพวงมาลัย  Hiace  แร็คโตโยต้า แร็คไฮเอซ LH112 จาก 9,000฿ เหลือเพียง 4,999฿

📌 แร็คพวงมาลัย Mitsubishi แร็คไทตั้น แร็คไทรทัน ขับ4 แร็คปาเจโร่ จาก 10,000฿ เหลือเพียง 5,500฿

📌แร็คพวงมาลัย Mitsubishi แร็คไทตั้น แร็คไทรทัน ขับ2 จาก 6,000฿ เหลือเพียง 3,999฿

📌 แร็คพวงมาลัย VIGO แร็ควีโก้ ขับ2 จาก 6,000฿ เหลือเพียง 3,999฿

 

แร็คพวงมาลัยรั่วปัญหาที่พบได้บ่อยในรถยนต์ที่ใช้พวงมาลัยพาวเวอร์ ซึ่งอาจเกิดได้ทั้งจากการใช้งานหรือชำรุดตามอายุการใช้งาน โดยปัญหาแร็คพาวเวอร์รั่วจะมีอาการเริ่มต้นแสดงให้รู้ว่าได้เวลาต้องซ่อมหรือเปลี่ยนกันแล้ว

ปัจจุบันรถยนต์ส่วนใหญ่มักจะต้องมีพวงมาลัยพาวเวอร์ หน้าที่หลักก็เพื่อผ่อนแรงในการบังคับพวงมาลัยขณะเลี้ยวให้กับผู้ขับขี่โดยไม่ต้องสาวพวงมาลัยจนกล้ามขึ้นแบบรถในอดีต ดังนั้นในระบบของพวงมาลัยพาวเวอร์ย่อมมีความซับซ้อนและปัญหาที่มักพบบ่อยคือแร็คพวงมาลัยรั่ว เว้นเสียแต่ว่ารถยนต์ของคุณจะเป็นรุ่นใหม่ที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) ที่ใช้มอเตอร์ผ่อนแรง (แบบที่ไม่มีไฮดรอลิกร่วมด้วย) ซึ่งถ้าใช่ ปัญหาแร็คพวงมาลัยรั่วจะไม่เกิดขึ้นแน่ แต่ถ้ายังเป็นแบบปั๊มน้ำมันไฮดรอลิกโอกาสที่ต้องเจอย่อมเกิดขึ้นได้
สำหรับอาการแรกเริ่มของแร็คพวงมาลัยรั่วนั้นสังเกตได้ไม่ยาก ดังนี้

          1. มีน้ำมันพาวเวอร์ลดลงจากการรั่วซึม (สังเกตได้จากปริมาณน้ำมันพาวเวอร์ในกระปุกน้ำมันพาวเวอร์ลดลง หรือหยดตามพื้น)
2. พวงมาลัยหนักบางจังหวะ เลี้ยวแล้วพวงมาลัยไม่คืนหรือมีระยะฟรีมาก
3. เมื่อขับขี่ทางตรงอาจมีเสียงดังบริเวณใต้คันเร่ง-แป้นเบรก
4. เวลาหมุนพวงมาลัยขณะเลี้ยวจะมีเสียงดังผิดปกติ

          หากตรวจสอบแล้วพบปัญหาควรรีบแก้ไขก่อนที่จะลุกลาม สามารถทำได้ทั้งซ่อม (กรณีที่มีชุดซ่อม) หรือเปลี่ยนแล้วแต่อาการ ซึ่งการเปลี่ยนแร็คใหม่ย่อมเป็นการแก้ไขปัญหาที่ดีสุดแต่อาจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นอยู่กับยี่ห้อรุ่น โดยราคาแร็คพวงมาลัยมีตั้งแต่ประมาณ 10,000-50,000 บาท หรือเกินกว่านั้นได้ในกรณีรถราคาแพง
 ในกรณีที่รถใช้พวงมาลัยไฟฟ้า EPS แม้จะไม่พบปัญหาแร็คพาวเวอร์รั่ว จะพบปัญหาที่เรียกว่าแร็คแห้ง ส่วนการแสดงอาการเบื้องต้นจะคล้าย ๆ กันคือพวงมาลัยหนัก หรือเบา-หนักสลับกัน รวมถึงเกิดเสียงผิดปกติเวลาเลี้ยว แค่รถรุ่นใหม่ที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้า EPS ที่ไม่มีน้ำมันไฮดรอลิกช่วยในการผ่อนแรงจึงไม่รั่วแต่ไม่ได้แปลว่าเสียหายไม่ได้
สำหรับการดูแลรักษาแร็คพวงมาลัยเพื่อยืดอายุการใช้งานหรือให้ใช้งานได้ตามอายุของชิ้นส่วน คือ
          – ไม่หักพวงมาลัยอย่างรุนแรงหรือเลี้ยวจนสุด
– พยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางขรุขระ (ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็คือเลี่ยงไม่ได้ รถมีไว้ใช้งาน)
– หลีกเลี่ยงการลุยน้ำท่วม
– เปลี่ยนน้ำมันพาวเวอร์ตามระยะที่กำหนด
– หมั่นตรวจเช็กยางแร็คพาวเวอร์ หากฉีกขาดควรเปลี่ยนทันทีเพราะโอกาสที่ฝุ่นหรือน้ำจะเข้าไปทำความเสียหายให้ชุดกลไกชำรุดได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้เราจะทะนุถนอมแร็คพาวเวอร์ดุจไข่ในหินแค่ไหน อุปกรณ์ย่อมเกิดความเสียหายได้ตามอายุการใช้งานถือเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ควรได้รับการดูแลรักษาเพื่อไม่ให้กลับบ้านเก่าก่อนเวลาอันควร นั่นหมายความว่าจะเกิดค่าใช้จ่ายตามมาแน่นอนและแม้ว่าการซ่อมแซมจะประหยัดกว่าแต่อาจไม่สมบูรณ์เท่ากับการเปลี่ยนใหม่ซึ่งราคาค่อนข้างสูง ทั้งนี้คงต้องพิจารณาแก้ไขกันตามความเหมาะสม

อันตราย! เสียง “แร็ค” พวงมาลัยดัง ช่วงล่างมีปัญหา…

อาการที่เกิดเสียงจากช่วงล่างรถยนต์มีหลายสาเหตุต้องไล่ตามอาการรถลักษณะแหล่งที่มา ของเสียง ถึงจะรู้สาเหตุได้อย่างชัดเจน ต้องเช็กอาการเบื้องต้นตั้งแต่ลูกหมาก เช่น ลูกหมากปีกนก ลูกหมากกันโครง ลูกหมากปลายแร็ค โช๊คอัพ สปริงโช๊ค โดยไล่เรียงตามลักษณะตามอาการที่เกิดขึ้น หรือจากการได้ยินเสียง แต่ที่เสียบ่อยโดยเฉพาะรถเก๋งที่ใช้พวงมาลัยไฟฟ้าจะเป็น ลูกหมากคันชักนอก (ไม้ตีกลอง) และลูกหมากปลายแร็ค ถ้าเอาเครื่องยกรถขึ้นลองโยกๆ ล้อดูหาก สั่นคลอน หลวม ไม่แน่น ก็พอจะทราบอาการได้เบื้องต้น

ก่อนอื่นขออธิบายระบบพวงมาลัยก่อนว่ามันมีส่วนประกอบอะไรบ้าง เพื่อคุณจะได้พอจับอาการรถได้เบื้องต้นว่าควรฟังเสียงเหลือเริ่มต้นจากจุดใด ระบบบังคับเลี้ยวหรือพวงมาลัยรถ จะมีแกนพวงมาลัยที่ทะลุห้องโดยสารขึ้นไปเสียบอยู่กลางพวงมาลัยพอดี เรียกว่า “คันส่ง” ในรถเก๋งเรียกว่า “แร็ค” การทำงานจะหมุนซ้าย-ขวา และมีเสื้อแร็คห่อหุ้มอีกที ในเสื้อแร็คจำเป็นต้องมีการลดความฝืดสัมผัสขณะทำงาน โดยนำบู๊ชมาติดตั้งอยู่ที่ปลายเสื้อแร็คด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านไม่ใช้เพราะอาศัยการเบียดกันระหว่างเฟืองแร็คกับเฟืองเปลี่ยนมุม เพื่อเลื่อน ซ้าย-ขวา

จะรู้ได้อย่างไรว่าที่ช่วงล่างเสียงดังเกิดจาก “แร็ค” พวงมาลัย

แร็คพวงมาลัยจะเสียได้ก็ต้องเกิดจากการ คด-งอ หรือเฟืองรูด ส่วนมากที่เสียบ่อยจะเป็น บู๊ชปีกนก ลูกหมากปีกนก ลูกหมากคันชัก (ไม้ตีกลอง) ลูกหมากปลายแร็ค ยางรัดแร็ค อาการจะมีเสียงดังเวลาเลี้ยว หรือมีเสียง กุก กัก เวลาขึ้นเนินหลังเต่า ให้เปลี่ยนเฉพาะส่วนที่เสียก็พอ เพราะบางร้านจะให้เปลี่ยนหลายตัวควบคู่กันไป โดยเฉพาะลูกหมากคันชัก (ไม้ตีกลอง) อันนี้เช็กให้ดี เพราะมีราคาค่อนข้างสูง

 

     อาการที่บ่งบอกว่าช่วงล่างเริ่มมีปัญหา

1.พวงมาลัยดึงเวลาถนนขรุขระ พวงมาลัยหลวมมีเสียงดัง กุก กัก ที่พวงมาลัยเวลาวิ่งทางขรุขระ ให้ตรวจเช็ก ลูกหมากคันชัก (ไม้ตีกลอง)

2.วิ่งทางขรุขระแล้วดัง กุก กัก ให้ตรวจเช็ก ลูกหมากปีกนก
3.วิ่งทางตรง แต่ล้อไม่ตรง ควบคุมรถไม่นิ่ง ให้ตรวจเช็ก ลูกหมากปลายแร๊ค
4.วิ่งทางขรุขระ แล้วสะท้านขึ้นพวงมาลัย (ในกรณีที่ลูกหมากแร๊คแน่นอยู่แล้ว) ให้ตรวจเช็ก ยางรัดแร๊ค
5.เดินหน้า หรือถอยหลัง จังหวะที่รถออกตัว หรือกำลังจะหยุด มีเสียงกึกเบาๆ วิ่งทางตรงแล้วพวงมาลัยเอียง ให้ตรวจเช็ก บูชปีกนก

     ทั้งหมดนี้เป็นอาการเบื้องต้นเท่านั้นเพื่อให้ผู้อ่านพอจับอาการจากเสียงเบื้อง ต้นได้ถูก เวลาไปเช็กหรือคุยกับช่างจะได้ไม่โดนฟันเงินในกระเป๋าจนตัวฟีบกลับบ้าน ถามเพื่อนฝูงนิดนึงก็ดีครับ ใครเคยทำที่ไหนดี จะได้บอกต่อๆ กันไปครับ

Shopping cart

0
image/svg+xml

No products in the cart.

Continue Shopping