แร็คพวงมาลัย คืออะไร และถ้ามีอาการแร็ครั่ว และพวงมาลัยหนักขึ้นต้องทำยังไง

แร็คพวงมาลัย คืออะไร

แร็คพวงมาลัย (Steering Rack) เป็นส่วนหนึ่งของระบบที่ใช้ในการควบคุมทิศทางของรถยนต์เมื่อผู้ขับขี่หมุนพวงมาลัย (เวลาที่ผู้ขับหมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวหรือเปลี่ยนทิศทางของรถ) แร็คพวงมาลัยมักถูกติดตั้งใต้รถยนต์และเชื่อมโยงกับลูกหมากของพวงมาลัย เมื่อผู้ขับหมุนพวงมาลัยในทิศทางใด แร็คพวงมาลัยจะทำงานโดยเลื่อนลูกหมากให้รถยนต์เปลี่ยนทิศทางตามที่ผู้ขับขี่ต้องการ.

แร็คพวงมาลัยเป็นอุปกรณ์สำคัญในระบบการควบคุมขับขี่ของรถยนต์ เนื่องจากมันมีบทบาทในการทำให้รถยนต์สามารถเลี้ยวหรือเปลี่ยนทิศทางได้อย่างถูกต้อง แร็คพวงมาลัยทำงานร่วมกับอะไหล่อื่น ๆ เช่น ลูกหมาก, ไดร์ฟเชน, และบู๊สเตอร์ไฮดรอลิก (ในกรณีของแร็คพวงมาลัยไฮดรอลิก) เพื่อควบคุมการเปลี่ยนทิศทางของล้อของรถ.

รายละเอียดเกี่ยวกับการทำงานและองค์ประกอบของแร็คพวงมาลัยอยู่ในคำอธิบายที่ก่อนหน้านี้ แร็คพวงมาลัยมีบทบาทสำคัญในการควบคุมทิศทางของรถยนต์และเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการขับขี่และความปลอดภัยของรถยนต์.

แร็คพวงมาลัยมีทั้งหมดกี่รุ่น?

ระบบแร็คพวงมาลัยมีหลายรุ่นแต่ละรุ่นมีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน สามารถแบ่งแร็คพวงมาลัยเป็นสามประเภทหลักได้ คือ:

  1. แร็คพวงมาลัยแบบกลไก (Mechanical Steering Rack): รุ่นนี้มีการควบคุมแร็คพวงมาลัยโดยใช้คำสั่งกลไกและไม่มีระบบพาวเวอร์สตีริง การบังคับเลี้ยวจะต้องใช้แรงมากขึ้นและไม่มีการช่วยเพิ่มความเบาของการหมุนแร็คพวงมาลัย.
  2. แร็คพวงมาลัยไฮดรอลิก (Hydraulic Power Steering Rack): รุ่นนี้มีระบบพาวเวอร์สตีริงไฮดรอลิกเพื่อช่วยในการบังคับเลี้ยว ระบบน้ำมันไฮดรอลิกช่วยลดแร็คพวงมาลัยหนักลงและทำให้การบังคับเลี้ยวง่ายขึ้น.
  3. แร็คพวงมาลัยไฟฟ้า (Electric Power Steering Rack): รุ่นนี้มีระบบพาวเวอร์สตีริงไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการช่วยบังคับเลี้ยว มอเตอร์นี้ช่วยให้การบังคับเลี้ยวเบาและเป็นไปได้อย่างราบรื่น และมักจะมีความแม่นยำในการบังคับเลี้ยวที่ดี.

แต่ละรุ่นก็ยังมีความแตกต่างกันในเรื่องของเทคโนโลยีและความนิยมของผู้ผลิตรถยนต์ และอาจมีรุ่นย่อยเพิ่มเติมในแต่ละประเภทเพื่อตอบสนองความต้องการและการใช้งานของรถยนต์ที่แตกต่างกันไป.

หน้าที่ของแร็คพวงมาลัย

แร็คพวงมาลัย (Steering Rack) เป็นส่วนสำคัญของระบบที่ใช้ในการควบคุมและบังคับทิศทางของรถยนต์ หน้าที่หลักของแร็คพวงมาลัยคือ:

  1. บังคับทิศทางของรถ: แร็คพวงมาลัยเชื่อมโยงระหว่างพวงมาลัยและล้อหน้าของรถ โดยการหมุนแร็คพวงมาลัยจะทำให้ล้อหน้าเลี้ยวไปทางที่ต้องการ ทำให้คุณสามารถควบคุมทิศทางและการเลี้ยวของรถยนต์ได้.
  2. ช่วยในการนำทาง: แร็คพวงมาลัยทำให้เราสามารขับรถยนต์ได้อย่างแม่นยำ โดยที่ไม่ต้องใช้แรงมากเพราะมีการส่งแรงบิดจากพวงมาลัยมาช่วย.
  3. ปรับความแน่นของการบังคับ: แร็คพวงมาลัยมักมีระบบบางประเภทที่ช่วยปรับความแน่นของการบังคับในการเลี้ยวหรือการขับขี่ ทำให้การขับรถเป็นไปอย่างสะดวกและสมบูรณ์.
  4. ส่วนประกอบของระบบบังคับเลี้ยว: แร็คพวงมาลัยเป็นส่วนหนึ่งของระบบบังคับเลี้ยวรถยนต์ ร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ไม้ตีกลอง,ลูกหมาก, แกน, คอพวงมาลัย, และอื่น ๆ เพื่อให้รถยนต์สามารถเลี้ยวและบังคับทิศทางได้อย่างถูกต้อง.

สรุปแล้ว, แร็คพวงมาลัยมีบทบาทสำคัญในการควบคุมและบังคับทิศทางของรถยนต์ เป็นส่วนหนึ่งของระบบบังคับเลี้ยวและช่วยให้คุณขับรถไปที่ต้องการอย่างแม่นยำและปลอดภัย.

แร็คพวงมาลัยมีส่วนประกอบหลักที่สำคัญ ได้แก่:

  1. คอพวงมาลัย (Steering Column): เป็นแกนที่ต่อระหว่างพวงมาลัยและแร็คพวงมาลัย เมื่อเราหมุนพวงมาลัย, คอพวงมาลัยจะส่งแรงบิดไปยังแร็คพวงมาลัย.
  2. พวงมาลัย (Steering Wheel): เป็นส่วนที่เราถือและหมุนเพื่อควบคุมรถยนต์.
  3. แร็คพวงมาลัย (Steering Rack): เป็นชิ้นส่วนหลักของระบบบังคับเลี้ยว ซึ่งมีลักษณะเป็นบาร์ขนานกับเพลาหน้า. เมื่อเราหมุนพวงมาลัย, แร็คพวงมาลัยจะเลื่อนไปทางซ้ายหรือทางขวา และจะทำให้ล้อที่เชื่อมกับแร็คพวงมาลัยเปลี่ยนทิศทาง.
  4. ปั๊มพวงมาลัย (Power Steering Pump): เป็นปั๊มที่สร้างแรงดันในระบบน้ำมันไฮดรอลิก เพื่อช่วยในการเคลื่อนที่ของแร็คพวงมาลัย.
  5. น้ำมันแร็คพวงมาลัย (Power Steering Fluid): น้ำมันที่ใช้ในระบบน้ำมันไฮดรอลิกเพื่อบังคับแร็คพวงมาลัย.

อาการส่วนใหญ่ที่แร็คพวงมาลัยมีปัญหา

  1. แร็คพวงมาลัยหนัก: เมื่อการหมุนพวงมาลัยต้องใช้แรงมากขึ้นจากปกติ, อาจเกิดจากปัญหาในระบบพาวเวอร์สตีริงหรือชิ้นส่วนของแร็คพวงมาลัยที่เสียหาย วิธีแก้ต้องปรับลูกหมากต้องเบาลง บางครั้งช่างอาจจะใส่แน่นไป เลยทำให้พวงมาลัยหนักได้ ถ้าลองทำแล้วไม่ดีขึนแนะนำให้ไปที่อู่เช็คระเอียดดู.
  2. แร็คพวงมาลัยเบา-หนักสลับกัน: การรับรู้ถึงการเบา-หนักสลับกันขณะขับรถอาจแสดงถึงปัญหาในระบบพาวเวอร์สตีริงหรือน้ำมันแร็คพวงมาลัย.
  3. สียงดังเวลาหมุนพวงมาลัย: เสียงดังเมื่อหมุนพวงมาลัาจเกิดขึ้นเนื่องจากปัญหาในแร็คพวงมาลัยหรือคอพวงมาลัย.
  4. แร็คพวงมาลัยบาง-หนาสลับกัน: อาจเกิดจากปัญหาในระบบพาวเวอร์สตีริงหรือน้ำมันแร็คพวงมาลัย.

อาการแร็คพวงมาลัยรั่วหรือเสียหายอาจแสดงอย่างต่างกันไปตามสภาพและปัญหาที่เกิดขึ้น อาการร่วมกันที่บ่งบอกถึงแร็คพวงมาลัยรั่วเป็นไปได้รวมถึง:

  1. น้ำมันรั่ว: การรั่วน้ำมันพาวเวอร์จากแร็คพวงมาลัยอาจทำให้คุณเห็นเลือดน้ำมันบริเวณแร็คพวงมาลัยหรือบริเวณใกล้เคียง. น้ำมันพาวเวอร์มักมีสีแดงหรือสีน้ำมันเครื่อง วีธีแก้แนะให้เปลี่ยนใหม่เพราะถ้าซ่อมจะไม่คุ้มค่าใช้จ่ายที่เสียไป.
  2. เสียงดัง: การรั่วที่แร็คพวงมาลัยอาจสร้างเสียงดังออกมาเมื่อคุณหมุนพวงมาลัยหรือเลี้ยวรถ. เสียงอาจเป็นเสียงดังที่แน่นอนหรือเป็นเสียงกระทบกระเทือน.
  3. หมุนลำบาก: ถ้าแร็คพวงมาลัยรั่วหรือมีน้ำมันรั่วออกมามากเพียงพอ อาจทำให้หมุนพวงมาลัยลำบากและเหนื่อยขึ้นเมื่อคุณพยายามบังคับรถเลี้ยวหรือหมุนพวงมาลัย.
  4. การควบคุมทิศทางหลบเลี่ยงไม่ได้: การรั่วที่แร็คพวงมาลัยอาจทำให้คุณไม่สามารถควบคุมทิศทางหรือทำการหลบเลี่ยงในรถยนต์ได้อย่างถูกต้อง. รถอาจเลี้ยวไม่ได้หรือควบคุมไปทางที่คุณไม่ต้องการ.
  5. ระยะเวลาการบำรุงรักษาบ่อยขึ้น: หากคุณต้องเติมน้ำมันพาวเวอร์บ่อยๆ หรือพบว่าระดับน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็ว อาจเป็นสัญญาณที่แร็คพวงมาลัยรั่ว.

หากคุณเริ่มเห็นเครื่องชี้สัญญาณเหล่านี้ ควรนำรถยนต์ของคุณไปยังอู่หรือช่างรถมาตรวจสอบและซ่อมแซมให้แร็คพวงมาลัยใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอีกครั้ง การทำการบำรุงรักษาแร็คพวงมาลัยเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความปลอดภัยขณะขับรถและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระบบนี้.

แร็คพวงมาลัยรักษายังไง

การรักษาแร็คพวงมาลัยเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลรถยนต์ของคุณเพื่อให้รถยนต์มีประสิทธิภาพในการควบคุมทิศทางและควบคุมการเลี้ยวอย่างถูกต้อง ดังนั้นนี่คือวิธีการรักษาแร็คพวงมาลัยของรถยนต์:

  1. ตรวจสอบน้ำมันพาวเวอร์: น้ำมันพาวเวอร์เป็นส่วนสำคัญในการทำงานของแร็คพวงมาลัยแบบไฮดรอลิก ตรวจสอบระดับน้ำมันพาวเวอร์อยู่ในระดับที่ถูกต้องโดยตลอด และเพิ่มน้ำมันเมื่อจำเป็นตามคำแนะนำของผู้ผลิตรถยนต์.
  2. ตรวจสอบสายพาวเวอร์: ตรวจสอบสายไฮดรอลิกที่เชื่อมต่อกับแร็คพวงมาลัยและปั๊มไฮดรอลิกเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีรอยสึกกร่อนหรือรั่วน้ำมัน.
  3. ตรวจสอบการทำงาน: ทดสอบการทำงานของแร็คพวงมาลัยโดยหมุนพวงมาลัยซ้าย-ขวาเพื่อให้แน่ใจว่ามันทำงานได้อย่างสมบูรณ์และไม่มีอาการสั่นหรือหนัก-เบาสลับ.
  4. ตรวจสอบข้อต่อ: ตรวจสอบข้อต่อและสายไฮดรอลิกที่เชื่อมต่อกับแร็คพวงมาลัยเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความหักหรือคราบสนิม.
  5. ตรวจสอบการสั่นสะเทือน: หากมีอาการสั่นสะเทือนในแร็คพวงมาลัยเมื่อขับรถ อาจจะต้องตรวจสอบลูกหมาก, ไดร์ฟเชน, และอะไหล่อื่นที่อาจเสื่อมสภาพหรือมีความชำรุด.
  6. ระยะเวลาการบำรุงรักษา: ทางผู้ผลิตรถยนต์อาจแนะนำระยะเวลาการบำรุงรักษาแร็คพวงมาลัย เช่นการเปลี่ยนน้ำมันพาวเวอร์และตรวจสอบสภาพอะไหล่เฉพาะที่เป็นส่วนสำคัญ ดังนั้นควรอ่านคู่มือการใช้งานหรือแนะนำของผู้ผลิตและติดตามระยะเวลาการบำรุงรักษานั้นอย่างเคร่งครัด.
  7. หลีกเลี่ยงการขับรถในสภาวะที่เสี่ยงต่อความเสียหาย: ระวังการขับรถในสภาวะที่อาจทำให้แร็คพวงมาลัยเสียหาย เช่น การขับรถบนถนนที่เป็นหินหรือหลุม การหมุนพวงมาลัยเร็วเกินไปหรือหมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวโดยใช้แร็คพวงมาลัยเป็นระยะที่ยาว

ถ้าต้องการเปลี่ยนแร็คเรามีร้านรุ่น ไม่ว่าจะแร็ควีโก้ แร็คดีแม็ก แร็คไทรทัน สนใจเปลี่ยนสินค้าหรือเปลี่ยนที่อู่ได้เลย

โทร 081-932-4102

การรันตีกว่า1000+++ เคสที่มีติดตั้งแร็คกับเรา

สนใจปรึกษาโทร 081-932-4102

Line id : @en_autopart

บทความล่าสุด

โทร. ติดต่อสอบถาม

บทความอะไหล่ยนต์อื่นๆ

เปลี่ยนเฟืองท้ายรถตู้ ที่ร้านส่งการช่าง – เสียงหอนหาย ขับนิ่ม ประหยัดน้ำมันขึ้นทันที!

ระบบ เฟืองท้าย ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบส่งกำลังในรถยนต์ทุกคัน โดยเฉพาะกับ รถตู้ ที่ต้องใช้งานหนัก ไม่ว่าจะขับรับส่งผู้โดยสาร ขนของ หรือเดินทางไกลอย่างต่อเนื่อง การดูแลเฟืองท้ายให้ทำงานได้อย่างมีประสิท

อ่านเพิ่มเติม »

เปลี่ยนเฟืองท้าย Toyota Commuter กับร้านส่งการช่าง – ขับลื่น เงียบ แรงไม่ตก ประหยัดขึ้นทันที!

สำหรับผู้ใช้รถตู้ Toyota Commuter ที่ต้องขับวิ่งระยะไกล ใช้งานรับส่งผู้โดยสาร หรือแม้แต่ดัดแปลงบรรทุกของเป็นประจำ ปัญหาที่พบบ่อยหลังจากใช้งานไปนานคือ เสียงหอนจากใต้ท้องรถ, ขับแล้วรอบเครื่องสูงเกิน, หร

อ่านเพิ่มเติม »

ทดเฟืองท้าย Nissan Urvan NV350 ที่ร้านส่งการช่าง – วิ่งดีขึ้น รอบต่ำลง ประหยัดน้ำมันสุดๆ!

หากคุณเป็นเจ้าของรถตู้ Nissan Urvan NV350 แล้วใช้งานรถเป็นประจำในเส้นทางไกล บรรทุกผู้โดยสารหรือของหนัก หรือแม้แต่ใช้งานในระบบขนส่ง/รับจ้าง คุณอาจสังเกตว่ารถคุณ “วิ่งเร็วแต่รอบเครื่องสูง”,

อ่านเพิ่มเติม »

Shopping cart

0
image/svg+xml

No products in the cart.

Continue Shopping